พนม พุทธาผา
ท่ามกลางทุ่งนาสีเขียวของอำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม มีโรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งชื่อว่า โรงเรียนบ้านโพนบก ที่ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเรียนรู้ของเด็ก ๆ ในตำบล หากยังเป็นพื้นที่ที่หล่อหลอมชาดหนุ่มมาดเข้ม ดีกรีผู้อำนวยการโรงเรียน ในฐานะผู้นำชุมชน ปราชญ์ชาวบ้าน กลายเป้ฯศิลปินระดับชาติ
ชายผู้นั้นคือ นายพนม พุทธาผา อายุ 55 ปี ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโพนบก หมู่ 11 ตำบลโพนบก อำเภอโพนสวรรค์ จังหวัดนครพนม
ในสายตาของเด็กนักเรียนและชุมชน เขาคือผู้นำทางการศึกษา ผู้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับเยาวชน
แต่เมื่อถึงฤดูออกพรรษา ชื่อของเขาจะปรากฏขึ้นในอีกบทบาทหนึ่งที่หลายคนยกย่อง — “ศิลปินเรือไฟ”
เขาคือผู้สร้างสรรค์งานศิลป์ริมโขงที่ทั้งยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยศรัทธา สะท้อนให้เห็นการผสมผสานของศิลปะและวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่างทรงพลัง จนครั้งหนึ่งเคยได้ร่วมแสดงผลงานในเวทีระดับชาติในงานเลี้ยงอาหารค่ำ APEC 2022 ที่กรุงเทพฯ งานที่เปรียบประดุจสะพานเชื่อม “โขงมหาคงคา” สู่ “เจ้าพระยามหานคร”
จุดเริ่มต้นของศิลปินเรือไฟ
ย้อนกลับไปในวัยเยาว์ พนมเติบโตท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนบ้าน และแสงไฟเรือไฟที่ลอยกลางแม่น้ำโขงในคืนออกพรรษา ภาพลำน้ำมืดมิดที่ถูกแต่งแต้มด้วยเปลวไฟนับพันสะท้อนอยู่ในสายตาเด็กชาย ความงดงามนั้นได้ฝังรากลึกในใจ
แม้ไม่มีบันทึกแน่ชัดว่าผลงานที่โดดเด่นที่เขาประทับใจที่สุดคือเรือลำใด แต่ทุกผลงานที่ออกมาล้วนสะท้อนความเข้าใจใน “หัวใจของประเพณี” เรือไฟสำหรับเขาไม่ใช่เพียงงานหัตถกรรม หากคือ ศิลปะแห่งความเชื่อ ศรัทธา และภูมิปัญญาอีสาน
การสร้างสรรค์เรือไฟ: ภูมิปัญญาที่ลอยลำบนผืนน้ำ
เบื้องหลังความตระการตาของเรือไฟแต่ละลำคือแรงงานและภูมิปัญญาที่สืบทอดมานับชั่วอายุคน
โครงสร้างหลักทำจากไม้ไผ่สานอย่างประณีต ผูกด้วยเชือกให้อดทนต่อแรงน้ำ ลวดลายที่ประดับตกแต่งมักเป็นพญานาค พระธาตุพนม หรือธรรมจักร ล้วนสื่อถึงความศรัทธาในพุทธศาสนา
จากนั้นจึงตกแต่งด้วยธูป ดอกไม้ ขี้ไต้ และเทียนนับพันดวง ก่อนจะต่อเข้ากับไฟฟ้าเพื่อให้เกิดเป็นแสงเรืองรองยามค่ำคืน
พนมไม่ได้ทำเพียงลำพัง เขาเชื่อมั่นว่า “เรือไฟคือศิลปะของชุมชน” ทุกครั้งที่ลงมือสร้าง เยาวชนจะถูกชักชวนมาช่วยสานโครง คนเฒ่าคนแก่คอยให้คำแนะนำ พระสงฆ์มอบแรงใจ ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันเหมือนกำลังถักทอ “ผืนผ้าแห่งศรัทธา” ให้ลอยอยู่เหนือสายน้ำ
ผลงานยิ่งใหญ่สู่การได้รับรางวัลและฉายาศิลปินเรือไฟ
ด้วยผลงานที่โดดเด่นและต่อเนื่อง ชื่อของนายพนม พุทธาผา จึงถูกสื่อท้องถิ่นและสังคมยกย่องให้เป็น “ศิลปินเรือไฟ” หลายสมัย
แม้จะไม่มีการจดบันทึกเป็นรางวัลอย่างเป็นทางการ แต่ใครจะรู้ว่าเขาคือกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง การสร้างผลงานเรือไฟนานาชาติ ในคราวต้อนรับคณะทูตานุทูตทั่วโลกมาแล้ว ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา กับ “จากโขงมหาคงคา สู่เจ้าพระยามหานที” ในงานเลี้ยงยามค่ำคืน APEC 2022 ถือเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของศิลปินพื้นบ้านคนหนึ่งที่สามารถนำศิลปะท้องถิ่นไปสู่เวทีระดับโลกมาแล้ว
บทบาทแห่งความหลากหลาย: ผู้นำทางศรัทธาและการศึกษา
บทบาทของพนมไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นศิลปิน เขายังเป็น ครูใหญ่ ที่ปลูกฝังให้เยาวชนตระหนักถึงคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่น
ในห้องเรียน เขาคือผู้อำนวยการที่ดูแลการศึกษาของเด็ก ๆ
นอกห้องเรียน เขาคือผู้นำชุมชนที่ใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือสร้างความสามัคคี
นี่คือภาพสะท้อนของชายผู้มีชีวิตสองบทบาท — ครูใหญ่และศิลปิน ที่ไม่เคยทิ้งฝั่งใดฝั่งหนึ่ง
พนม พุทธาผา คือบทพิสูจน์ว่า ความเป็นครูและความเป็นศิลปินสามารถเดินคู่กันได้
เขาคือผู้จุดประกายแสงศรัทธาบนสายน้ำโขง และในขณะเดียวกันก็จุดประกายความรู้ในหัวใจเยาวชน
ทุกครั้งที่เรือไฟลอยสว่างในแม่น้ำโขง คือการประกาศว่าศิลปะท้องถิ่นยังคงมีชีวิต และตราบใดที่ยังมีผู้สืบสานอย่างเขา แสงแห่งความศรัทธาก็จะยังคงลอยอยู่เหนือผืนน้ำไม่เสื่อมคลาย
(ประเพณีไหลเรือไฟ นครพนม ปี 2568 กับช่วงออกพรรษา)
ปีนี้ วันออกพรรษา ตรงกับวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 จังหวัดนครพนมเตรียมจัดงาน ประเพณีไหลเรือไฟ (มหกรรมไหลเรือไฟโลก) ระหว่างวันที่ 27 กันยายน – 8 ตุลาคม 2568 ต่อเนื่องกว่า 11 วัน 11 คืน ริมฝั่งแม่น้ำโขง
คืนวันออกพรรษาจะเป็นไฮไลต์สำคัญ เรือไฟยักษ์นับสิบลำจะลอยสว่างตระการตา เสียงสวดมนต์ เสียงแคน และเสียงกลองสะบัดชัยจะประสานกับแสงไฟบนผืนน้ำ สร้างบรรยากาศศรัทธาที่ไม่เหมือนที่ใดในโลก
และในแสงไฟนั้น—จะมีผลงานของ นายพนม พุทธาผา ศิลปินผู้เปลี่ยนศรัทธาให้กลายเป็นศิลป์ แห่งศรัทธา กลางโขงมหาควงคาอีกครั้ง