By อาวเล็ก

จากป่าลำภูส่หัวใจคนเมือง

ชื่อ “บางลำภู” มาจากการที่ในอดีตบริเวณนี้เคยเต็มไปด้วยต้น “ลำพู” (ต้นไม้ริมคลองที่มีรากโผล่ขึ้นจากน้ำ) ชาวบ้านเรียกเพี้ยน ๆ จนกลายเป็น “บางลำภู”

วงเวียนบางลำภู

วงเวียนแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ วัดบวรนิเวศวิหาร ซึ่งเป็นวัดสำคัญที่พระมหากษัตริย์หลายพระองค์เคยทรงผนวช

รอบ ๆ วงเวียนเชื่อมกับ ถนนข้าวสาร – ซอยรามบุตรี – ซอยตานี ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร และบาร์ แต่ในอดีตเคยเป็นชุมชนชาวบ้าน ตลาด ร้านขายของใช้ประจำวัน

บริเวณนี้ได้ชื่อว่า

1. ย่านนักเรียน-นักศึกษา
เพราะอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สนามหลวง และศูนย์กลางราชการ วงเวียนบางลำภูจึงเคยเป็น “เวทีทางการเมือง” ของนักศึกษาหลายยุค

สมัย 14 ตุลา 2516 – 6 ตุลา 2519 ถนนเส้นนี้เป็นทางผ่านของขบวนเดินขบวน

เคยเป็นที่ติดโปสเตอร์หาเสียงท้องถิ่นและประกาศชุมนุม

2. เวทีปราศรัยไม่เป็นทางการ
ในอดีต การเมืองท้องถิ่น (เลือกตั้งเทศบาลหรือผู้ว่าฯ) ผู้สมัครมักมาตั้งเวทีเล็ก ๆ แถวนี้ เพราะเป็นจุดรวมคน ทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ได้คะแนนทั้งสองสาย

3. สัญลักษณ์สองโลก

ฝั่งหนึ่งติดวัดบวร – ความศักดิ์สิทธิ์ ข้อคิดธรรมะ

อีกฝั่งหนึ่งติดถนนข้าวสาร – โลกีย์ สีสัน และการท่องเที่ยว

บางคนเลยเรียกวงเวียนบางลำภูว่า “วงเวียนธรรมะ-โลกียะ”

เรื่องเล่าสนุก ๆ

ชาวบ้านรุ่นเก่าเล่าว่า ถ้าวงเวียนน้ำพุ (บางยุคมีน้ำพุเล็ก ๆ) เปิดน้ำแรง ๆ วันเลือกตั้งเมื่อไร คนแถวนั้นจะทายกันว่า “คะแนนพุ่งแรงเหมือนน้ำพุ”

ซอยตานี – แต่ก่อนเป็นซอยเล็ก ๆ เต็มไปด้วยร้านชำ-โรงพิมพ์ มีคนการเมืองแอบมาพิมพ์ใบปลิวหาเสียงแบบเงียบ ๆ เวลามีการเลือกตั้ง ชาวบ้านเลยล้อกันว่า “ถ้าอยากรู้ข่าวการเมือง ไปถามซอยตานี”

ยุคนักท่องเที่ยวบูมใหม่ ๆ มีนักการเมืองบางคนลงพื้นที่ เดินหาเสียงในถนนข้าวสาร แต่ดันถูกนักท่องเที่ยวต่างชาติยื่นเบียร์ให้ cheers ด้วย…เลยถูกแซวว่า “ผู้แทนสายคาวบอย”

ทุกวันนี้ วงเวียนบางลำภูอาจดูเหมือนเป็นแค่ จุดตัดถนนกับสถานที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยว แต่ในอีกมิติหนึ่ง มันคือ สมุดบันทึกกลางเมือง ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์การเมือง ชีวิตผู้คน และความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน